จตุคันธชาติ...กลิ่นจากพุทธกาล(2/2)![]() จากนิตยสาร “ ดิฉัน ” (30เมษายน2557) คอลัมน์ เป็นหู เป็นตา โดย ศิเรมอร อุณหธูป หอมพระพายชายพัดมารินริน หอมกล่ำกลิ่นดอกไม้กลั่นจันทร์กะพ้อ เขี้ยวกระแตเกสรอวลชวนเน้าพะนอ หอมเคล้าคลอรินใจ ใสทั้งดวง “น้ำปรุงเทวิกัญญ์ เป็นผลผลิตจากจิตที่ผ่านการปฏิบัติวิปัสสนา” เป็นคำพูดแรกของ จามรเกียรติ ลาภธรรมนนท์ ในบทบาท ของผู้ปรุงทำให้ฉันกระหายที่จะรู้ถึงสาเหตุ “เครื่องหอมสมัยโบราณขาดช่วงการถ่ายทอดสูญหายไปมาก เราไม่สามารถจินตนาการได้ถึงลักษณะของกลิ่นเหล่านี้ได้ เช่น ขอนดอก , กะลัมพัก, ดอกไม้จากแดนโยนก ฯ จนปัจจุปัน เรามีเครื่องหอมดั้งเดิมที่เหลือให้เห็นเป็นรูปธรรม จริงๆเพียงน้ำอบและน้ำปรุง น้ำอบนั้นเป็นของโบราณที่ตกทอด กันมานาน เป็นเครื่องหอมที่แสดงความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง ส่วนน้ำปรุงเพิ่งจะปรากฏในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นการรับเอา เทคนิควิธีการทำ perfume มาจากชาวตะวันตกและดัดแปลง ให้มีลักษณะเป็นไทยโดยเพิ่มกลิ่นแบบไทยๆเข้าไป เช่น เตย มะกรูด เนียม และดอกไม้อื่นๆของเรา แต่พอเริ่มมีกลิ่น สังเคราะห์เข้ามาปะปนทำให้คุณภาพและคุณค่าของ น้ำปรุงลดลง และหยุดการพัฒนา ในขณะที่ วงการ perfume ตะวันตกพัฒนาเทคโนโลยี่ของเขามาตลอด น้ำปรุงจึงค่อยๆ หมดบทบาทไป ![]() เริ่มต้นผมทำน้ำปรุงตามวิธีดั่งเดิม แต่รู้สึกได้ถึงข้อจำกัด ตามที่ได้พูดไว้ข้างต้น จึงต้องกลับไปเรียนเกี่ยวกับพื้นฐานของ สิ่งเหล่านี้ก่อน คือเรื่องของน้ำมันหอมระเหย(Essential Oil) น้ำมันหอมระเหยเป็นพื้นฐานที่ดีของ perfumery เริ่มตั้งแต่ คุณสมบัติของเขา แต่ละชนิดเป็นอย่างไร กลิ่นเป็นอย่างไร วิธีสกัดทำอย่างไรฯ แล้วจึงนำความรู้เหล่านี้มาประยุกต์ใช้ สร้างน้ำปรุงให้มีคุณภาพมาตรฐานระดับ Natural Perfume เมื่อถึงขั้นตอนที่จะต้องสร้างสรรค์กลิ่น (Blend) ขอยอมรับว่า ยังไม่เก่งเหมือน Perfumer อาชีพ หากจะทำ น้ำปรุงกลิ่นเดิมๆออกมาก็ไม่ท้าทาย อยากสร้างสรรค์ กลิ่นใหม่ๆให้หลุดจากกรอบเดิม แต่ต้องมีคุณค่าพอที่จะมา ทดแทนของเดิมได้ จึงติดอยู่ ณ.จุดนี้นาน เมื่อมองย้อนหลังไปแล้ว งานที่ทำมาทั้งหมดใช้สมอง ความคิดและเหตุผลเป็นสิ่งขับเคลื่อนทั้งสิ้น เมื่อเจอทางตัน จึงต้องหาแนวทางอื่น จึงหันมาเดินตามแนวทางของจิต ให้จิตเขานำทาง ให้จิตเขาทำงานของเขาเอง ในฐานะชาวพุทธ วิธีการฝึกจิตที่ดีสุดคือ “ วิปัสสนา ” เมื่อเข้าสู่โลกของธรรมแล้ว การมองโลกก็เปลี่ยน ไปสู่อีกมิติหนึ่ง ความหอมจากเครื่องหอมที่เราคุ้นเคยก็เปลี่ยน ไปเป็นความหอมของ ศิลธรรมความดี ใจความหนึ่งจาก พระไตรปิฎกกล่าวว่า กลิ่นของจตุคันธชาติ แม้จะหอมอย่างไร ก็ไม่สู้กลิ่นของสัตบุรุษได้ จตุคันธชาติหอมทวนลมมิได้ แต่กลิ่นของสัตบุรุษนั้นหอมทวนลมได้ เพราะเป็นกลิ่นของศิล กลิ่นของคุณธรรม จึงหอมได้ทั้งตามลมและทวนลม” ถึงตรงนี้ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของพระปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบรูปหนึ่ง ท่านกล่าวถึงผู้เจริญในธรรมจนถึง ระดับหนึ่ง จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตนที่ต่างกัน บางคนคล้าย ดอกมะนาว – บ้างละม้ายคล้ายดอกข่าเป็นต้น ท่าจะคือเรื่องเดียวกันกระมัง “ จากนั้น ทำให้ผมมองเห็นคุณค่าของภูมิปัญญา คนสมัยโบราณ รู้สึกอัศจรรย์ใจ จึงมุ่งเน้นศึกษาค้นคว้า กลิ่นจากในตำนาน โดยมีจตุคันธชาติเป็นหลัก จนสามารถ ชุบชิวิตกลิ่นนี้ขึ้นมาได้ต้องตามตำหรับโบราณ และด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับ Natural Perfume. |
ภาษากลิ่นของจิตวิญญาน เรื่องของกลิ่น น้ำหอม ,น้ำอบ , น้ำปรุง ,น้ำมันหอมระเหยและผลิตภัณฑ์ Aromatherapy
วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559
จตุคันธชาติ...กลิ่นจากพุทธกาล(2/2)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น