
กะลัมพักเป็นที่รู้จักของคนยุคนี้ในแง่สมุนไพร เป็นตัวยาชนิดหนึ่งของแพทย์แผนไทย กล่าวไว้ว่า กระลำพัก มีรสขม หอม มัน เย็น ใช้แก้ลมอังคมัลคานุสารี(เป็นลมที่พัดทั่วร่างกาย ตั้งแต่กระหม่อมถึงปลายเท้า) แก้ตรีสมุฏฐาน แก้โลหิตโทษ แก้พิษเสมหะ โลหิต และมูกเลือด บำรุงตับและปอด ทำให้มีกำลัง และว่ากระลำพักที่ได้จากต้นตาตุ่มทะเลนั้น มีรสร้อน เฝื่อน ขมเล็กน้อย มีสรรพคุณถ่ายหนอง แก้ลม(ที่มา:จากตำราพระโอสถพระนารายณ์ )
ถึงแม้จะระบุว่าหอมแต่ก็ไม่มีเครื่องหอมตำหรับใดใช้กะลัมพักมาเป็นส่วนประกอบ ทำให้ความรู้ในเรื่องของกะลัมพัก ด้านความเป็นเครื่องหอม จึงไม่มีปรากฎอยู่เลยในปัจจุปัน
เราไม่รู้ว่า " กะลัมพัก " เครื่องหอมที่โบราณกล่าวถึงไว้นั้น
แท้จริงแล้วคือไม้อะไร?
วิธีสะกัดกลิ่นของกะลัมพัก ทำอย่างไร ?
และที่สำคัญ กลิ่นที่แท้จริงของกะลัมพักเป็นอย่างไร ?
ลำพังกลิ่นของกะลัมพักที่ใด้จากการต้มในลักษณะของการต้มยานั้น ไม่น่าจะเป็นกลิ่นจริงของเขา เพราะกลิ่นที่ได้นี้เป็นกลิ่นของสาร Coumarin ประเภทหนึ่ง ซึ่งเราจะพบได้บ่อยในพืชสมุนไพรอื่นๆ หลายชนิด ที่พอต้มไปนานๆแล้วจะมีกลิ่นหวานออกมา เพราะสาร Coumarin นี้จะเกิดขึ้นเมื่อได้รับความร้อนในระดับหนึ่ง แต่เราไม่สนใจที่จะนำสารหอมที่เกิดขึ้นนี้ไปทำเครื่องหอม เพราะไม่สดวกและไม่คุ้มค่า
แล้วกลิ่นแท้ของกะลัมพักเป็นอย่างไร?
คือโจทย์ที่สำคัญของเรา
เพราะเรามุ่งมั่นที่จะค้นหา "จตุคันธชาติ" อันเป็นกลิ่นหอมในยุคพุทธกาล
และกะลัมพักก็คือส่วนประกอบสำคัญของกลิ่นจตุคันธชาต นี้
ดังนั้นเราจึงต้องทุ่มเทสรรพกำลังอย่างมากมาย ทั้งเวลาและทรัพยากรเพื่อ ทำวิจัยหากลิ่น กะลัมพักออกมา
โดยเริ่มจากความรู้ในปัจจุปัน ที่เกี่ยวข้องกับกะลัมพัก ว่ามีไม้อะไรบ้างที่เข้าข่ายความเป็นกะลัมพัก พบว่า ไม่ว่าจะเป็นกระบองเพชร, สลัดได, ตาตุ่มทะเล ล้วนจัดเป็นกะลัมพักได้ทั้งหมด และหากตีความตามคำจำกัดความของคัมภีร์โบราณที่อธิบายว่า กะลัมพักคือแก่นไม้ผุแล้วมีธาตุหอมเข้ามาแทรกอยู่ ก็จะขยายขอบเขตรวมไปถึง กฤษณา และขอนดอก(ทั้งจากพิกุลและตะแบกป่า) ด้วย
ข้อที่ต้องพิจารณาต่อไปคือ ใช้วิธีใดสะกัดกลิ่นของไม้ข้างต้น Stream Distillation, Solvent Extract ..ฯ
เมื่อได้ผลจากสองขั้นตอนแรกมาแล้วก็ต้องนำมาทดสอบคุณสมบัติทางด้าน perfumary ซ้ำไปซ้ำมา ใช้เวลาเกือบสองปี
จนในที่สุด เราจึงได้ค้นพบ "กะลัมพัก" อันมีคุณสมบัติต้องตรงตามคัมภีร์โบราณ...ทุกประการ
ในโลกของเครื่องหอม "กฤษณา" จะมีบทบาทเช่นนางเอกที่มีอำนาจสูงส่งประดุจนางพญาแห่งเครื่องหอม อานุภาพของเธอจะดูดซับเอาความหอมจากสิ่งอื่นมารวมไว้ในตัว แล้วจึงเปล่งรัศมีความหอม ที่แสดงออกถึงตัวตนของเธอออกมาอย่างเพลิดเเพร้วอลังการณ์หวานพิสุทธิ์ อานุภาพแห่งกลิ่นของเธอนี้ จะครอบคลุมตั้งแต่ ต้น Top note มาจนถึงช่วงแรกของ Base note
ส่วน " กะลัมพัก " มีบทบาทแตกต่างจากกฤษณามาก กลิ่นตรงๆของเขาจะไม่หวานชัดเจน ออกไปทางเข้ม มันๆคล้ายรำข้าวมีโทนของ cork ผสมอยู่ด้วย ทั้งยังแฝงความสดเขียวใว้อย่างแนบเนียน บุคลิกของกลิ่น จะคล้ายสุภาพบุรุษที่พร้อมจะเป็นโครงสร้างหลักให้กับกลิ่นหวานอื่นๆยึดเกาะและช่วยขับดันส่งเสริมให้กลิ่นหวานเหล่านั้นเบ่งบานขยายความหอมหวานออกไป นอกจากจะขับเน้นกลิ่นดอกไม้ให้หวานขึ้นแล้วยังช่วยให้สดเขียวขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
ในช่วงของ Top และ Middle ตัวตนเขาจะไม่ปรากฎให้เห็นนัก กระทั่งผ่านเข้าสู่ย่าน Base เขาจึงค่อยๆเผยตัวตนออกมาอย่าง สุภาพ นุ่มนวล ในโทนของไม้เนื้อหอม แผ่วจางอ่อนๆ ละมุนนุ่มลึก โยงเข้า ไปได้ถึงจิตวิญญานอันลึกล้ำทีเดียว กลิ่นของเขาจะ suspension ทอดยาว แล้วจึงค่อยลดระดับลงไปเรื่อยๆ กระทั่งจางหายไปอย่างแผ่วเบา อาจจะใช้เวลา 3 - 4 ชม.
กลิ่นกะลัมพัก ช่วยเราให้เข้าใจถึง คำว่า " เครื่องหอมชั้นสูง " ได้เป็นอย่างดี เพราะเครื่องหอมเกรดสูงและเกรดต่ำ จะต่างกันอย่างชัดเจนที่ท้ายกลิ่น สัมผัสแรกๆของเครื่องหอมจะแยกได้ยาก ว่าเป็นเครื่องหอมเกรดใด แต่พอเวลาผ่านไป ความแตกต่างของระดับเครื่องหอมจะปรากฎชัดขึ้นๆ จนท้ายสุดช่วงของ base note แม้จมูกที่ไม่เคยได้รับการฝึกก็ยังสามารถแยกแยะระดับของเครื่องหอมได้ เครื่องหอมเกรดต่ำ กลิ่นท้ายๆจะกระด้าง, หยาบ, คลื่นเหียน, หลอน ฯ แสดงออกถึงความไร้ค่าและความเป็นสารเคมีออกมาให้เห็นอย่างเปิดเผย
ตรงข้ามกับเครื่องหอมชั้นสูง ที่พอเวลายิ่งผ่านไป ก็จะยิ่งเปร่งรัศมีของความมีชาติตระกูลสูงส่งออกมาให้เราได้เห็น ชัดขึ้นๆ
ดังเช่น " กะลัมพัก " นี้เอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น