น้ำอบ มรดกกลิ่นหอมของชาวสยาม(2/3)ที่มาของกลิ่น...![]() เราสามารถแบ่งกระบวนการสะกัดและบรรจุกลิ่น ของน้ำอบ ได้ 4 ขั้นตอน คือ 1) สะกัดกลิ่นจากชะลูดและเตย - ขั้นตอนแรกการทำน้ำอบ คนสมัยก่อนเรียนรู้ที่จะสกัดกลิ่นของชะลูดและเตยด้วยการต้ม ในน้ำสะอาดเพราะกลิ่นแท้ของเครื่องหอมสองชนิดนี้จะปรากฎ ออกมาได้ ต้องใช้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงระดับหนึ่ง จะได้ coumarin ออกมา ที่นอกจากจะหอมหวานอ่อนๆ นุ่มละมุน อยู่ลึกๆในระดับ Base note แล้ว ยังมีบทบาทสำคัญช่วยตรึง กลิ่น (Fixative) ของดอกไม้หรือกลิ่นหอมอื่นๆในระดับบน (top ,middle note) เอาไว้ได้ดี ทำให้ได้น้ำอบที่หอมติด ทนนาน ( Long-lasting ) 2) อบ - ร่ำ ในทัศนะอันละเอียดอ่อนของครูบาอาจารย์สมัยก่อน จำแนก แจกแจงการอบ และการร่ำ ไว้ว่าต่างกัน พอจะสรุปง่ายได้ว่า การอบ ครอบคลุมการถ่ายทอดกลิ่นในวงกว้างกว่าการร่ำ การร่ำคือการอบรูปแบบหนึ่งที่ใช้ความร้อนทำให้เกิดควันออกมา ร่ำสิ่งที่ต้องการให้หอมด้วยควันนั้น ...ใกล้กันซะเพียงนี้ เรียกรวมกันว่า "อบร่ำ" ก็แล้วกัน เมื่อกรองน้ำที่ได้จากขั้นตอนแรกแล้ว ก็เอามาร่ำควันที่ได้ จาก กำยาน,แก่นจันทร์(Sandalwood),น้ำตาลทรายขาวน้ำตาล ทรายแดง และผิวมะกรูดแห้งป่น ขั้นตอนนี้นอกจากจะทำให้น้ำหอมขึ้นแล้ว ยังเป็นการมุ่งปรับน้ำ ให้มีคุณสมบัติอุ้มกลิ่นได้ดียิ่งขึ้น เสริม หรือย้ำเพิ่มเติมขั้นตอน แรกให้สมบูรณ์แบบเต็มที่ กลิ่นหอมที่ได้จากขั้นตอนนี้จะอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับกลิ่นหอม ที่ได้จากขั้นตอนแรก เป็นการพยายามปรับ Base note ให้เต็มอิ่ม และมีช่วงกว้าง เพื่อตรึงกลิ่นหอมด้านบนให้ได้หลากหลายและ มั้นคงดีที่สุด เมื่อร่ำด้วยควันของกำยาน,แก่นจันทร์,น้ำตาลทราย และ ผิวมะกรูดดีแล้ว ก็นำน้ำทีได้นั้นมาอบหรือลอยด้วยดอกไม้สด ที่ใช้กันอย่างแพ่รหลายคือ มะลิ,จำปี,จำปา,กระดังงา,การเวก กุหลาบ ฯ หากถามว่า สามารถใช้น้ำเปล่ามาลอยอบด้วยดอกไม้สดเลย จะได้หรือไม่,น้ำที่ได้จะหอมมั๊ย คำตอบคือ ได้ ไม่ผิดกติกา แต่อย่างใด น้ำที่ได้ก็จะหอมพอสมควร แต่จะไม่คงทน ไม่เกินชั่วโมง กลิ่นก็จะสลายจางหมดไป สาเหตุเพราะเกิดปฎิกริยาอ๊อกซิเดชั่นในน้ำ ทำให้กลิ่น สลายเปลี่ยนสภาพไปหมดในเวลาอันรวดเร็ว วิธีลดผลของ ปฎิกริยาอ๊อกซิเดชั่น คือใช้ตัว Fixative เข้ามาช่วย คนโบราณจึงใช้ ชะลูด เตย กำยาน แก่นจันทร์... ด้วยสอง ขั้นตอนข้างบนนี้เอง จึงขอกระซิบถึง Guru เจ้าของตำหรับน้ำอบที่ลอยดอกไม้สด ก่อนเป็นลำดับแรก แล้วนำน้ำที่ได้ไปต้มต่อนั้น ผิดอย่างมหันต์ เป็นการทำลายกลิ่นดอกไม้อย่างโหดร้ายที่สุด กว่าที่เราจะได้ กลิ่นอันละเอียดอ่อนของดอกไม้มานั้น ลำบากยากเย็น แทนที่จะพยายามถนอมรักษาเอาไว้ในน้ำอบ กลับเอาไป ตั้งไฟต้มทิ้ง น่าเศร้าใจจริงๆ ขอต่อเรื่องที่มาของกลิ่นในโพสต์หน้าแล้วกันนะคะ ให้เป็นตอนที่ 3 ของเรื่องน้ำอบ แต่เป็นภาค 2 ของเรื่อง "ที่มาของกลิ่น" เป็นเรื่องของการ "ปรุง"น้ำอบ จ้า. |
ภาษากลิ่นของจิตวิญญาน เรื่องของกลิ่น น้ำหอม ,น้ำอบ , น้ำปรุง ,น้ำมันหอมระเหยและผลิตภัณฑ์ Aromatherapy
วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
น้ำอบ มรดกกลิ่นหอมของชาวสยาม(2/3)
วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
น้ำอบ มรดกกลิ่นหอมของชาวสยาม(1/3)
น้ำอบ 1 มรดกกลิ่นหอมของชาวสยาม(1/3)![]() ในยุคนี้ ไม่อาจเทียบเปรียบได้กับกลิ่นของน้ำอบไทยในอดีต แม้จะเรียบๆแสนธรรมดาไม่ฟุ้งเข้มโฉบเฉี่ยวเหมื่อนกลิ่นหอม ในยุคใหม่ แต่หากเพ่งพิศด้วยจิตอันละเอียดอ่อนแล้วจะสัมผัส ได้ถึงเสน่ห์อันล้ำลึกละเมียดละมัย ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกลิ่น หอมนวลเรียบง่ายอันแสนจะธรรมดานี้ กลิ่นหอมของน้ำอบคือรูปลักษณ์ที่ปรากฎออกมาด้วยแนว คิดเดียวกันกับความงามแบบดั่งเดิมของสัตรีไทย ที่ไม่ได้เน้น ความงามแบบสวยฉูดฉาดบาดจิต หากแต่สวยอย่างอ่อนหวาน อ่อนโยน งามพิศ เรียบร้อย ทั้งกริยา วาจา มารยาท รวมถึงจิตใจอันงดงามสูงส่งอีกด้วย คืองามพร้อมทั้งภายนอก และภายใน เปรียบดังกลิ่นหอมของน้ำอบที่ไม่ได้หอมฟุ้ง ตลบอบอวลเหมือนดอกไม้กลิ่นแรงๆ หรือเครื่องหอม จากตะวันตก กลิ่นของน้ำอบนั้น หวานละมุนอ่อนโยน แผ่วเบาอยู่ในที แต่หากสามารถซึมแทรกเข้าไป ยังความชุ่มชื่นให้แก่ จิตวิญญานในส่วนลึกได้อย่างนุ่มนวล เบื้องหลังความหอมนี้คือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษนักปรุง เครื่องหอมของเรา ที่ได้สะสมและสืบทอดความรู้ด้านนี้กันมา แต่โบราณ น้ำอบ ก็เหมือนศาสตร์และศิลปแขนงอื่นๆของไทยที่ผ่าน การพัฒนามาอย่างยาวนาน จนถึงจุดอิ่มตัวสูงสุด ลงตัวในทุกๆด้าน น้ำอบไม่อาจพิจารณาในมิติของ Perfumary แต่เพียงด้านเดียวได้ เพราะภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเราได้ รวมเอาศาสตร์ด้านอารยุเวชเข้าไว้ในเนื้อหาของน้ำอบด้วย เครื่องปรุงบางชนิดของน้ำอบเป็นส่วนประกอบของยาหอม โบราณของไทย สื่อถึงภาพของแนวคิดการควบคุมทิศทาง ตัวยาให้ไปยังจุดหมายทีต้องการของแพทย์แผนไทย สะท้อนออกมาให้เราได้เห็นอย่างลางๆ น้ำอบเป็นเครื่องหอมชั้นสูงของไทยโดยแท้ ที่นำเอาศิลป ความรู้ในด้านนี้เกื่อบทุกแขนงเข้ามาใช้ จึงสามารถกล่าวได้ว่า น้ำอบ คือพัฒนาการสูงสุดของเครื่องหอมไทยดั้งเดิม โดยเหตุนี้ข้อมูลและเนื้อหาที่เกี่ยวกับน้ำอบจึงมีอยู่มาก ซึ่งเราจะค่อยๆทะยอยนำเสนอเป็นตอนๆต่อไป ลูกค้าและผู้สนใจสามารถติดตามเราได้ ในเพจนี้ และอย่าลืม Like , ment , share ให้เราด้วยนะคะ |
ตำแหน่ง:
Bangkok, Thailand
วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
โรสแมรี่ ..สมุนไพรแห่งความทรงจำ
โรสแมรี่ ..สมุนไพรแห่งความทรงจำ![]() Rosemary มาจากภาษาลาติน "Rosemarinus" หมายถึง" น้ำค้างทะเล " ( ros - น้ำค้าง ,marinus- ทะเล ) อาจเนื่องมาจากมีถิ่นกำเนิดแถบรอบทะเลเมอดิเตอ เรเนี่ยน และออกดอกสีฟ้าเปล่งประกายครอบคลุมไปทั่วในช่วงกลางฤดูหนาว คล้ายหยดน้ำจากทะเลแผ่กระจายพร่างพรมไปทั่วอาณาบริเวณ จึงเป็นที่มาของชื่อนี้ มีบทกวีโบราณกล่าวถึงความสัมพันธ์ของโรสแมรี่กับทะเลไว้
" ... ณ ถิ่นที่ โรสแมรี่ เติบโต ย่อม..
ยินเสียงกระซิบอันแผ่วเบา จากทะเล ได้ ... "
Rosemary ผูกพันกับตำนานและประเพณีโบราณมานานเป็นพันๆปี เริ่มต้นอย่างชัดเจนในอารยธรรมของกรีกและโรมัน ที่ยกย่องให้โรสแมรี่เป็นพืชพรรณศักดิ์สิทธิ์ สามารถขจัดสิ่งชั่วร้ายออกไปได้ ทั้งยังช่วยให้สุขภาพและความทรงจำดีขึ้น ทหารโรมันนำเอาโรสแมรี่แพ่รหลายเข้าไปในยุโรป และอังกฤษ จนที่สุด ข้ามไปถึงโลกใหม่ นักเรียนชาวกรีกในยุคโบราณ จะแขวนโรสแมรี่ไว้รอบๆคอ หรืออาจแซมผมเอาไว้ เพราะเชื่อว่าช่วยทำให้ความจำดีขึ้น บางคนนำเอาโรสแมรี่วางไว้ใต้หมอนในคืนก่อนสอบด้วย คืนคริสต์มาสอีฟในยุคกลาง โรสแมรี่จะถูกวางกระจัดกระจายไว้ตามพื้นเพื่อให้คนเหยียบย้ำ กลิ่นของโรสแมรี่จะกระจายฟุ้งไปในอากาศ ด้วยความเชื่อที่ว่า หากใครใด้กลิ่นโรสแมรี่ในคืนนี้ จะมีความสุขและพลานามัยสมบูรณ์ไปตลอดทั้งปี จึงเป็นต้นกำเนิดอันยาวนานของช่อมาลาโรสแมรี่ ที่แขวนในเทศกาลคริสต์มาสมาจนถึงทุกวันนี้ Sir Thomas More รัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ เขียนถึงโรสแมรี่เอาไว้ว่า
"... เพราะว่าเป็น โรสแมรี
จึงยอมให้แผ่คลุมรั้ว รอบสวน
มิใช่เพียงเพื่อ ให้ " ผึ้ง" เท่านั้น
แต่เพราะ เป็นพฤกษาพรรณอันศักดิ์สิทธิ์
ที่ช่วยให้ระลึกถึง ความทรงจำ และ มิตรภาพ ... "
![]() Rosemary คือสิ่งมงคลในพิธีแต่งงานของชาวยุโรปมาแต่โบราณ เป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำและความสื่อสัตย์ จุ่มโรสแมรี่ลงในไวน์อันศักดิ์สิทธิ์สำหรับดื่มในพิธีเพื่อย้ำเตือนให้บ่าวสาวจดจำช่วงเวลาอันสำคัญของชีวิตและคำสาบานที่ให้ไว้แก่กัน เจ้าสาวจะมอบกิ่งโรสแมรี่ให้เจ้าบ่าวถือไว้ ในคืนแต่งงาน โรสแมรี่อบแห้งจะถูกวางไว้ที่ผ้าปูที่นอน เพื่อช่วยเป็นหลักประกันให้พวกเขาสื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป โรสแมรี่ยังถูกประดับไว้ทั่วไปในงาน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า "แม้พวกเขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว แต่ขอให้จดจำญาติพี่น้องและเพื่อนๆไว้ อย่าได้ลืมเลือน" Rosemary Oil (essential oil ที่ได้จากการกลั่น) กลิ่นจะสด เข้ม ในโทน woody แบบสมุนไพร มีกลิ่นมิ้นท์ใสสดชัดเจน ชวนให้นึกถึง Spike Lavender แต่หากเป็น Rosemary Extract (ได้จากการสะกัดโดยวิธีตัวทำละลาย)กลิ่นจะต่างออกไปไม่สดเหมื่อนได้จากการ กลั่น เหมือนเปลี่ยนบรรยากาศจากชายฝังทะเลเมอร์ดิเตอเร เนี่ยนที่มีแสงอาทิตย์อันสดใส ไปเป็นบรรยากาศของบาร์บิคิวแกะในอังกฤษภายใต้ท้องฟ้าอึมครึม ประมาณนั้น โรสแมรีประกอบด้วยฟลาโวนอยด์หลายชนิด เช่นไดออสมิน(diosmin) ไดออสเมติน(diosmetin) เจนกวานิน(genkwanin) และเอพิเจนิน(apigenin) สารเหล่านี้เป็นเม็ดสีที่ให้สีขาวและเหลืองในโรสแมรี การทดสอบในห้องทดลองพบว่ามีประโยชน์มาก แม้ยังไม่รู้ว่าต้องกินเท่าไรจึงจะได้ประโยชน์เต็มที่ แต่เป็นสรรพคุณที่น่าสนใจ เช่นเอพิเจนินช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งตับอ่อนไดออสมินเสริมความแข็งแรงของผนังหลอดเลือดและ เจนกวานินอาจป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่นโดยกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนสารประกอบอื่นของโรสแมรี คือกรดโรสมารินิก (rosmarinic acid) มีฤทธิ์ต้านอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ สารสกัดโรสแมรียังต้านไวรัสได้อีกด้วย งานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้นักวิจัยของวิทยาลัยพยาบาลมหาวิทยาลัยฟลอริดาแอตแลนติก ทดสอบผลจากการสูดดมน้ำมันหอมระเหยโรสแมรีและลาเวนเดอร์ที่มีต่อระดับความเครียดและวิตกกังวล การทดสอบทำกับนักศึกษาพยาบาลจำนวน 40 คน โดยให้คนเหล่านี้ทำข้อสอบแล้วมาจัดระดับความเครียด ชีพจร และความดันเลือด จากนั้นให้อาสาสมัครเหล่านี้ไปทำข้อสอบครั้งที่ 2 โดยสูดดมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ก่อน และระหว่างการทำข้อสอบสุดท้ายให้ไปสอบครั้งที่ 3 โดยเปลี่ยนมาสูดดมน้ำมันโรสแมรี นักวิจัยรายงานว่า นักศึกษาพยาบาลระบุว่า ในการสอบการสูดดมน้ำมันโรสแมรีช่วยได้มากกว่าน้ำมันลาเวนเดอร์โดยช่วยให้จำได้และตื่นตัวระหว่างการสอบ ส่วนลาเวนเดอร์นั้นทำให้ผ่อนคลายจนลดทอนความสามารถในการทำข้อสอบลงไป นักวิจัยจึงสรุปว่า โรสแมรีช่วยเพิ่มการรับรู้ เพิ่มสมาธิและทำให้ตื่นตัวมากขึ้น งานวิจัยหนึ่งเมื่อปี 2007 นักวิทยาศาสตร์ชาวไต้หวันได้วิเคราะห์สารสกัดจากใบโรสแมรี และระบุว่ามีสารประกอบสำคัญ 5 ชนิด ซึ่งพวกเขาทำการทดสอบ และได้ข้อสรุปในเวลาต่อมาว่า โรสแมรีเป็นสมุนไพรต้านอักเสบและป้องกันการเกิดเนื้องอก ทั่วไปแล้วเราใช้โรสแมรีเพื่อรักษา กลิ่นตัว, กลิ่นเท้า ข้ออักเสบ, ไข้ขึ้น, ความจำ,ตะคริว, ทำให้ตื่นตัว, ปวดเท้าปวดศีรษะ, ป้องกันมะเร็ง, ผมร่วง, เพิ่มสมาธิ, ฟกช้ำ, รังแควิตกกังวล, หลอดเลือดขอด, อ่อนเพลีย |
วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
กลิ่น...อิทธิพลที่มีต่อจิตใต้สำนึกของเรา
กลิ่น...อิทธิพลที่มีต่อจิตใต้สำนึกของเรา

Anosmia มีผลเสียที่ร้ายแรงคือจะทำให้เราไม่ได้กลิ่นสารพิษหรือควันพิษที่เป็นอันตรายไม่สารมารถแยกกลิ่นบูดเน่าของอาหารได้ เราจะรับรู้อาหารได้เพี่ยงมิติของ ร้อน/เย็นแข็ง/อ่อน รส เปรี้ยว , หวาน , มัน , เค็ม , เผ็ด , ขม ... ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาและค้นพบว่ากลิ่นมีผลต่อสัมผัสการรับรู้อาหารของเราถึง 70%-75%
หากเป็น Anosmie ในระยะยาวจะทำให้เป็นโรคซึมเศร้า อีกทั้งแรงขับดันทางเพศจะลดลง .....อ๊ะ ...จิง .ดิ่ !
คนโบราณจึงสรุปเอาง่ายๆ ว่าแรงขับดันทางเพศ มีสาเหตุมาจาก "จมูก" ที่รับกลิ่น ... นี่ละ ตัวดี
ดังนั้นชาวกรีกจึงลงโทษ อาชญากรทางเพศ ด้วยการ ตัด . . .
. ......จมูก!
เห็นมะ ...รูปปั้นกรีกสมัยนั้น จมูกหักเต็มไปหมด......ฮาๆๆๆๆ
ไม่เชื่ออย่าลบลู่นะ .... ขนาดติดกล้องวงจรปิดเอาไว้
ไฟลุกตอนไหน ยังไม่รู้ เร้ย.... อ้าว ไปกันใหญ่แล้ว

สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)